ตอบ : สาเหตุของสิวแบ่งให้เข้าใจได้ง่ายๆเป็น 4 กลุ่ม
1.1 สาเหตุจากภายใน คือพันธุกรรมและฮอร์โมนที่ผิดปกติ คนไข้กลุ่มนี้ จะเกิดมาพร้อมกับพันธุกรรมที่เอื้อต่อการเป็นสิว โดยจะมีความผิดปกติของการหลุดลอกของผิวหนังบริเวณรูเปิดของรูขุมขน ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนได้ง่าย นอกจากนั้นในคนไข้กลุ่มนี้มักมีระดับสัดส่วนฮอร์โมนเพศชายที่สูงกว่าปกติ (ปกติผู้หญิงก็มีฮอร์โมนเพศชาย แต่มีในระดับต่ำๆ เมื่อเทียบกับผู้ชาย) ซึงฮอร์โมนเพศชายที่สูงนี้จะทำให้ต่อมน้ำมันที่ผิวหน้า สร้างน้ำมันจำนวนมากทำให้หน้ามันและเกิดสิวอุดตันได้ง่าย ด้วยสาเหตุจากภายในนี้เองทำให้ความยากง่ายในการเกิดสิวแตกต่างกันไปในแต่ละคนนั่นเอง
1.2 สาเหตุจากภายนอก ส่วนมากมาจากเครื่องสำอางค์หรือสารต่างๆที่สัมผัสผิวหน้า
1.2.1 เครื่องสำอางค์กลุ่มครีมรองพื้น (Foundation) หรือผลิตภัณฑ์ปกปิด(BB/CC cream) เป็นเครื่องสำอางค์กลุ่มที่ล้างออกได้ยาก มักไปอุดตันรูขุมขนได้ง่าย
1.2.2 เครื่องสำอางค์กลุ่ม ลดเม็ดสี ให้ผิวขาวใส (Whitening cream) เครื่องสำอางค์กลุ่มนี้มักมีส่วนผสมที่ง่ายต่อการระคายเคืองผิวหน้า เมื่อเกิดการระคายเคืองจะตามมาด้วยการบวมของผิวหนังและรูขุมขน และเกิดการอักเสบ/อุดตันของรูขุมขน ทำให้เป็นสิวขึ้นมาในที่สุด
1.2.3 สิ่งแวดล้อมต่างๆที่ทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหน้าเช่น ฝุ่น,น้ำ,มลภาวะ,การเสียดสี/ขัดถูแรงๆ etc. ก็ทำให้เกิดสิวได้เช่นได้ด้วยกลไกเดียวกับสาเหตุในข้อ1.2.2
1.3 สาเหตุจากภายใน+ภายนอก คือคนไข้กลุ่มนี้มีพันธุกรรมที่เอื้อต่อการเกิดสิวอยู่ และใช้เครื่องสำอางค์เพื่อปกปิดสิวและรอยสิวร่วมด้วย เลยยิ่งทำให้อาการของสิวรุนแรงขึ้นและควบคุมได้ยาก
1.4 กลุ่มอาการก้อนซิสต์ที่รังไข่ (Polycystic Ovary Syndrome) ในผู้หญิง คนไข้กลุ่มนี้ จะมีลักษณะจำเพาะคือ เป็นผู้หญิงรูปร่างค่อนข้างอ้วน มีขนตามตัวขึ้นเยอะ ประจำเดือนมาไม่ปกติ มีสิวขึ้นอยู่ตลอด หากมีอาการหรือสงสัยว่าเข้าข่ายภาวะนี้ควรรีบพบแพทย์เฉพาะทาง เพื่อการวินิจฉัยและทำการรักษาโดยเร็ว
ตอบ : ถ้าคนไข้เป็นสิวจากสาเหตุภายนอกเพียงอย่างเดียว เมื่อทำการรักษาและหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางค์ที่เป็นเหตุให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนแล้ว ก็มักจะไม่มีปัญหาเรื่องสิวอีก หรือหายขาดได้ แต่สำหรับคนที่มีปัญหาจากสาเหตุภายในจะทำการรักษาให้หายขาดไม่ได้ แต่สามารถควบคุมอาการของสิวไม่ให้กำเริบขึ้นมาได้
ตอบ : มีการรักษาสิวโดยทั่วไปประกอบด้วย
3.1 การรักษาด้วยยา ปัจจุบันมียาทาและยารับประทานรักษาสิวที่มีประสิทธิภาพดีมากขึ้น แต่ต้องเลือกใช้ให้ถูกต้องเพราะสิวมีหลายประเภท แต่ละประเภทตอบสนองต่อยาไม่เหมือนกัน และที่สำคัญ ยาทารักษาสิวหลายๆตัวมักมีผลข้างเคียงต่อผิวหน้าเช่นอาการแสบหรือการระคายเคือง ส่วนยารับประทานบางตัวอาจส่งผลต่อการทำงานของตับ เพราะฉนั้นการรักษาสิวด้วยยา ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยชนิดของสิวอย่างถูกต้องและเลือกสั่งจ่ายยาที่เหมาะสมที่สุดกับคนไข้แต่ละคนโดยแพทย์เฉพาะทางผิวหนัง เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีและเกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด
3.2 การรักษาสิวด้วยเลเซอร์ ปัจจุบันมีการใช้เลเซอร์เข้ามาร่วมในการรักษาสิวมากขึ้น แต่ละชนิดก็มีกลไกในการรักษาต่างกันไป
3.2.1 เลเซอร์ CO2 : เหมาะกับการรักษาสิวอุดตันที่เม็ดใหญ่อยู่ลึกและไม่สามารถกดออกได้ด้วยการกดสิวโดยใช้เข็มแบบปกติ เลเซอร์ชนิดนี้ต้องใช้ทักษะและความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้รักษาเป็นอย่างมากเพราะอาจเกิดการอักเสบและมีรอยแดงรอยดำที่มากผิดปกติหลังการรักษาได้ เพราะฉนั้นหากจะรักษาด้วยเลเซอร์ชนิดนี้ ควรทำการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางผิวหนังที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น
3.2.2 Intense pulsed light (IPL) : มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อสิว โดยส่งพลังงานเข้าไปทำลายเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวอักเสบ (P.acne) ส่งผลให้สิวอักเสบลดลง นอกจากนั้น IPL ยังช่วยรักษารอยแดงรอยดำของสิวให้จางลงได้อีกด้วย แต่การรักษาจะได้ผลดีเพียงใด ขึ้นกับประสิทธิภาพของเครื่องเลเซอร์(ขึ้นกับยี่ห้อของเครื่องด้วย) ที่สำคัญคือความชำนาญของแพทย์ผู้รักษา เพราะหากใช้พลังงานต่ำเกินไปก็อาจไม่ได้ผลแต่หากใช้พลังงานสูงเกินไปก็อาจทำให้ผิวหนังเป็นรอยไหม้ได้เช่นกัน
ตอบ : รอยแดงและรอยดำสิว เกิดจากการมีสิวอักเสบเกิดขึ้น ยิ่งปล่อยให้สิวอักเสบอยู่นานเท่าไหร่ ความรุนแรงของรอยแดงรอยดำก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นรวมถึงโอกาสเกิดแผลเป็น หลุมสิวที่เพิ่มขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นการป้องกันรอยสิว ต้องเริ่มจากการป้องกันไม่ให้มีสิวอักเสบบนใบหน้า ซึ่งสิวอักเสบเกิดจากการที่มีสิวอุดตันบนใบหน้านั่นเอง การรักษาสิวตั้งแต่ระยะที่เริ่มมีสิวอุดตันเกิดขึ้นบนใบหน้าจึงเป็นการป้องกันรอยแดงรอยดำสิวที่ดีที่สุด แต่หากเกิดสิวอักเสบขึ้นมาแล้วควรรีบไปพบแพทย์เฉพาะทางผิวหนังเพื่อทำการรักษาเพื่อให้สิวอักเสบยุบลงโดยเร็วที่สุด
ตอบ : การรักษาแผลที่เป็นรอยแดงหรือรอยดำ
5.1.การใช้ยาทา มียาทาที่มีประสิทธิภาพในการรักษารอยสิวอยู่หลายชนิด ส่วนมากมักจะมีส่วนประกอบด้วยกรดวิตามิน เช่น Tretinoin ซึ่งมีผลข้างเคียงและระคายเคืองค่อนข้างมาก ควรใช้ภายใต้การดูแลรักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหนังเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่น่าพึงพอใจ
5.2.การรักษา โดยใช้แสงเลเซอร์ IPL , Pulsed dye Laser หรือ Copper Bromide Laser เป็นวิธีที่ไม่เจ็บและใช้เวลารักษาไม่นาน สามารถช่วยให้รอยแดงหายเร็วยิ่งขึ้น โดยรอยแดงรอยดำจะลดลงประมาณครั้งละ 15-20% สิวดูจะไม่ใช้เรื่องยากอีกต่อไป เนื่องจากปัจจุบันมียาและผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพดีในการรักษาออกมามากมาย แต่หากเลือกใช้ผิดอาจได้รับผลข้างเคยที่ไม่พึงประสงค์และการรักษาย่อมไม่ได้ผล เพราะฉะนั้นการรักษาสิวควรรักษาภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหนังเป็นผู้พิจารณาเลือกยาและแนะนำการรักษาเพื่อลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นและเพื่อผลการรักษาที่ดีที่สุด